ขนมบุหลันดั้นเมฆ ถึงจะเป็นขนมไทย แต่เชื่อว่ายังมีคนไทยจำนวนไม่น้อยที่ยังไม่รู้จัก โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ แต่ถ้าลองได้กินสักครั้งแล้วจะติดใจไปกับแป้งเหนียว ๆ นุ่ม ๆ สอดไส้ไข่แดง หวาน ๆ หอม ๆ แถมสีม่วงสดใสชวนให้หยิบมากิน วันนี้กระปุกดอทคอมมีวิธีทำขนมบุหลันดั้นเมฆ สูตรจาก คุณ BlackPiano สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม มาฝาก ไหน ๆ ก็หาซื้อมากินยากมากแล้ว จะได้ลองทำกันดู
ส่วนผสม ขนมบุหลันดั้นเมฆ
• ดอกอัญชัน
• น้ำร้อน (สำหรับคั้นน้ำอัญชัน)
• กะทิ 120 กรัม
• แป้งข้าวเจ้า 10 กรัม
• เกลือ เล็กน้อย
• ไข่แดง 10 ฟอง
• น้ำตาลไอซิ่ง 60 กรัม
• กลิ่นวานิลลา เล็กน้อย
• แป้งข้าวเจ้า 100 กรัม
• แป้งเท้ายายม่อม 40 กรัม
• น้ำเปล่า 200 กรัม
• น้ำเชื่อม 350 กรัม (พักไว้จนเย็น)
• ถ้วยตะไล (สำหรับนึ่งขนม)
วิธีทำขนมบุหลันดั้นเมฆ
• คั้นดอกอัญชันกับน้ำร้อนให้ได้ปริมาณ 100 กรัม พักไว้
• ผสมกะทิกับแป้งข้าวเจ้า 10 กรัมเข้าด้วยกันแล้วนำไปเคี่ยวในกระทะให้พอข้น ๆ ใส่เกลือลงไปเล็กน้อย พักไว้
• ตีผสมไข่แดงกับน้ำตาลไอซิ่งให้เข้ากัน
• เติมกลิ่นวานิลลาลงไปเล็กน้อยเพื่อดับกลิ่นคาว
• คนผสมให้เข้ากัน จากนั้นนำไปกรองให้เนื้อเนียน ๆ (ในภาพยังไม่ได้กรอง) เตรียมไว้
• ผสมแป้งข้าวเจ้า 100 กรัมและแป้งเท้ายายม่อมให้เข้ากัน ค่อย ๆ เติมน้ำเปล่าลงไปผสม (ใส่น้ำเปล่านิดเดียวก่อนยังไม่ต้องใส่น้ำหมด แต่เผลอเทน้ำลงมากไปนิด)
• นวดแป้งประมาณ 5 นาที แป้งจะไม่ติดมือและผิวจะมีลักษณะเงา ๆ
• เทน้ำเปล่าที่เหลือลงไปจนหมด
• ตามด้วยน้ำเชื่อมที่เย็นแล้ว
• เทน้ำดอกอัญชันลงไปผสม
• คนผสมให้เข้ากันแล้วนำไปกรอง พักไว้
• นำถ้วยตะไลไปนึ่งให้ร้อน
• หยอดส่วนผสมแป้งลงไปจนเกือบเต็ม ปิดฝานึ่งในน้ำเดือดประมาณ 2 -2.30 นาที ถ้าเกินกว่านั้น แป้งจะสุกเกิน สังเกตุจากขอบขนมเริ่มมีสีเข้มขึ้นและตรงกลางมีสียังอ่อน ๆ เป็นใช้ได้
• จากนั้นให้รีบนำออกมาจากชุดนึ่งแล้วคว่ำถ้วยขนมลงชาม แป้งที่ยังไม่สุกก็จะไหลออกมา ทำให้ขนมเป็นหลุมตรงกลางแบบนี้
หมายเหตุ : ตอนนึ่งครั้งแรก เผลอนึ่งนานไปหน่อย มันสุกไวมาก ตอนเทแป้งออก กลับกลายเป็นว่า นิ่งสนิท ไม่มีอะไรไหลออกมาเป็นหลุมเลย ครั้งต่อ ๆ ไปจึงลดเวลาการนึ่งลงเป็น 2 นาที ถึงจะเทแป้งเหลวออกได้ ก็ยากเล็กน้อยในตอนแรก พอจับทางได้ก็ไม่ยากละ
• หยอดส่วนผสมไข่แดงลงในหลุม (ขั้นตอนนี้ระวัง ให้ปาดก้นช้อนทุกครั้ง อย่าให้มีไข่แดงติดมา เพราะมันจะหยดลงขอบขนมทำให้เลอะเทอะไม่สวย) จากนั้นนำไปนึ่งต่ออีกประมาณ 5 นาที เป็นอันเสร็จ
ที่มา: https://cooking.kapook.com/view118740.html
No comments:
Post a Comment